จะถวายพระเจ้าแบบไหนดี
“พระยะโฮวาจอมพลโยธาได้ตรัสต่อไปว่าเจ้าทั้งหลายว่า น่าอ่อนระอาใจจริง แล้วเจ้าทั้งหลายก็ได้ทำจมูกฟุดฟิดดูถูกที่นั้น เจ้าเอาสัตว์ขาหักและเป็นโรคซ้ำขโมยเขามา เจ้าได้เอาสัตว์ตัวนั้นมาถวายเป็นเครื่องบูชา พระยะโฮวาตรัสถามว่า เราจะรับของเหล่านี้จากมือของเจ้าหรือ” มาลาคี 1:13
คำนำ ก.พระเจ้าตรัสต่อว่าเราอย่างน่าอาย
-น่าอ่อนระอาใจจริง
-เจ้าถวายแบบ ทำจมูกฟุดฟิดดูถูกการถวาย พอผมพูดเรื่องถวาย ท่านก็อาจจะว่า พูดเรื่องถวายอีกแล้ว ผมยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ หัวข้อก็เป็นที่น่าเบื่อหน่ายสำหรับบางคน
-บางคนเอาสัตว์ขาหักมาถวาย
-มิหนำซ้ำสัตว์ขโมยเขามา
ข.ตีความหมายของข้อความ
-คนที่ไม่อยากถวาย เขาจะไม่อ่อนระอาใจ ต่อให้ผมพูดเรื่องถวายกี่ครั้ง ก็ไม่เบื่อ เพราะเต็มใจถวาย
จำเรื่องเล่าต่อไปนี้ได้หรือไม่ มีผู้ชาย 3 คน คุยกันเรื่องวิธีการถวาย
คนที่ 1 บอกว่า ผมมีวิธีถวายพระเจ้า ด้วยวิธีนี้ เมื่อผมได้เงินเดือนมา ผมจะขีดเส้นยาวๆแล้วยืนอยู่ตรงระหว่างเส้น แล้วโยนเงินไปบนฟ้า เงินที่หล่นเส้นหน้าให้พระเจ้าส่วนเงินที่หล่นข้างหลังเป็นของผม
คนที่ 2 บอกว่า ผมมีวิธีนี้ ผมเขียนเส้นวงกลม แล้วโยนเงินขึ้นฟ้า ถ้าเงินหล่นบนวงกลมเป็นของพระเจ้า ถ้าเงินหล่นนอกเส้นเป็นของผม
คนที่ 3 บอกว่า ผมมีวิธีนี้ ผมจะโยนเงินขึ้นบนท้องฟ้าแล้วบอกพระเจ้าว่า ถ้าเงินของพระเจ้า ขอให้พระเจ้ารับเอาไป ส่วนเงินที่หล่นลงมาจะเป็นของผม
ท่านลองทำดูทั้ง 3 วิธี แล้วจะรู้ว่า ขณะที่เราทำทั้ง 3 อย่างก็จะพยายามให้เป็นของตัวเอง คนที่ 3 ไม่ต่างไปจากที่มาลาคีได้กล่าว
น่าอ่อนระอาใจ เพราะท่านทำจมูกไม่พอใจ แถมขโมยเงินพระเจ้า แล้วท่านก็เป็นคนพิการน่าสงสารที่สุด มาโบสถ์เหมือนคนพิการ ไม่ร่าเริง ไม่ยินดีไม่อยากฟัง ขี้เกียจมาให้นักเทศน์ด่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะว่าใคร แต่บางทีถ้าเราทำตรงกันข้ามกับพระคัมภีร์ เราจะโดนเต็มๆ
วันนี้ผมมีความหมายให้ท่านเลือกวิธีที่ดีในการถวาย
1.ถวายด้วยตัวของท่านเอง
1)ร่างกายเป็นวิหารของพระเจ้า เราต้องรักษาให้สะอาดบริสุทธ์
-วันนี้ มีใครอาบน้ำก่อนมาโบสถ์ ขอให้ยกมือ ถ้าเราจะเข้าเฝ้าพระเจ้า เราต้องชำระกายให้สะอาด เพราะถ้าเราเข้าเฝ้าในหลวงหรือไปราชการ เราก็ต้องทำความสะอาดร่างกาย ผมต้องหวีให้ดี หน้าตาต้องแต่งแต้มให้ดูสวยงาม
-เสื้อผ้าที่ท่านใส่มาวันนี้ ซักมาแล้วหรือยัง หรือใส่เมื่อวานไม่ได้ซัก เราไปโรงเรียน เราก็ต้องซักรีดให้สวยงาม แล้วมาโบสถ์ไม่ใหญ่กว่าไปโรงเรียนหรือ
ในสมัยของโมเซ ผู้ที่จะเจ้าวิหารต้องชำระร่างกายและจิตใจให้สะอาดสอ้านหมดจดไม่มีมลฑิล
-ไม่นำสิ่งเสพติดเข้าไปในร่างกาย เพราะจะทำให้วิหารสกปรก
-เราต้องเอาร่างกายมาถวาย บทเรียนของอับราฮามเป็นสิ่งที่เราควรได้คิด พระเจ้าไม่ต้อง
การให้ฆ่าให้ตายแล้วเอายิศฮาคมาถวาย แต่ลองดูใจอับราฮาม อับราฮามถวายทั้งกายเต็มเปี่ยมไม่มีข้อแย้ง
2)เป็นคริสเตียนไม่ควรขาดการประชุม เพราะเป็นวิหาร ต้องอยู่พร้อมหน้าในเวลานมัสการ
ฮร 10:25 ซึ่งเราเคยประชุมกันนั้นอย่าให้หยุด เหมือนอย่างบางคนเคยกระทำนั้น แต่จงเตือนสติซึ่งกันและกัน
แสดงว่า มีคนเคยหยุดการประชุม เราอย่าทำตามเขา
เราต้องเอาร่างกายของเรามาประชุม เด็กขาดเรียนได้ไหม? ครูคนใดให้เด็กขาดบ่อยๆ ต้องตามเด็ก ถ้าครูไม่สนใจเด็ก แสดงว่าครูแย่มาก ไม่สมควรเป็นครู ผมก็เหมือนกัน ถ้าท่านขาดการประชุม ผมก็ต้องเตือนสติ ถ้าไม่เตือน ครูก็ผิด ผมก็ผิด ท่านก็ผิดที่ขาดกระประชุม ท่านที่ขาดแสดงว่าเราไม่ได้ใส่ใจในการมาประชุม โรงเรียนถ้าไม่ป่วยหรือมีกิจจำเป็นจริงๆก็ไม่ควรขาดเรียน ใน 100 วันครูเชคขาด ไป 25 วัน ท่านจะโดนเพ่งเล็ง
ใน ทำนองเดียวกัน ใน 1 ปี 2009 มีวันอาทิตย์ ทั้งหมด 52 อาทิตย์ ท่านขาดกี่วัน ชั้นเรียน9 โมง และ 10 โมง และบ่าย 1 ชม รวม คูณ 3 เป็น 156 ชั่วโมง ถ้าผมเป็นครูประจำชั้น ถึงผมจะให้ผ่าน แต่พระเจ้ากับพระเยซู ที่เป็นครูใหญ่ จะถามผมว่าอย่างไร?ในการที่ท่านขาดการนมัสการ
-คริสเตียนต้องถวายความสามารถของเรา เรามีความสามารถอะไร ก็ช่วยกันถวายทำให้เต็มที่ อย่างเช่นปีใหม่ หลายปีมานี้ คนที่เตรียมงาน เต็ม 100 ก็คือคุณจำรอง ปีที่แล้ว ได้น้องเบสกับก๊อฟ มาช่วยทั้งวัน ไม่รู้ว่าปีนี้จะมีใครมาช่วยบ้าง
2.ท่าทีในการถวาย
1)จากมาลาคี บอกว่า การถวายแบบทำจมุกฟุดฟิด แถมยังพิการ
-ถ้าเราไม่สบาย ควรรักษาให้ทันวันอาทิตย์ ไม่ใช่วันอาทิตย์ป่วยแทบตาย พอวันจันทร์ หายป่วย ไปทำงาน ไปโรงเรียนได้
แสดงว่า ไม่ได้ป่วยจริง ป่วยทางการ ไม่สบาย ก็นั่งหรือจะนอนฟังก็ให้รู้ไปเลย ที่จริงผมเทศน์แค่ 45 นาทีอย่างมากที่สุด อยู่ที่ว่าเรารักพระเจ้ามากหรือน้อย ถ้าเรารัก มากท่าทีของเราจะบอก
เด็กๆ ชั้นระวีฯ ถ้าใครเดินไปเดินมา,คุยกันหรือ,นอนในห้องประชุม จะถูกหักขนม แล้วผู้ใหญ่ จะหักอะไรดี
มีเด็กกลุ่มหนึ่งคุยกันว่า พ่อของใครทำงานอะไรจึงเก่งที่สุด
คนที่ 1 พ่อเราเป็นตลก พูดให้คนหัวเราะได้
คนที่ 2 พ่อเราเป็นคุณครู เด็กต้องฟังหมด
คนที่ 3 พ่อเราเป็นนักร้อง คนชอบฟังมาก
คนที่ 4 พ่อเราเก่งกว่าใคร พูดให้คนหลับได้ หลายคนสงสัย ทำงานอะไรถึงทำให้ทุกคนหลับ เด็กคนนั้นก็ตอบว่า “พ่อเราเป็นนักเทศน์ในโบสถ์” งงงงงงงงงงงงงง
ผมเก่ง พูดให้คนหลับหมด
อยู่ที่ท่าที พยายามอย่านอนดึก อย่าตื่นสาย อย่ามาสายแล้วก็ยังชอบหลับ ไม่ชอบเข้าฟังเทศน์ ไม่ชอบแม้แต่จะนั่งนมัสการหรือเข้าชั้นเรียน ผู้ใหญ่สำคัญต้องเป็นตัวอย่างของเด็กๆ
ถามเด็กๆ “ถ้าผู้ใหญ่หลับ หรือเดินไปเดินมาหรือ ชอบคุยในห้องประชุม จะหักอะไรดี” ให้เด็กตอบ ตอนเปาโลเทศนาบนตึก 3 ชั้น มีคนยืนพิงหน้าต่าง เขาโงกหลับตกหน้าต่างตาย ชื่อ ยูตุโค แต่ผมไม่ได้เทศนานานเหมือนเปาโล
ผมต้องการความเป็นระเบียบ ท่านเปาโลได้กล่าวสอน เรื่องการประชุมไม่
เป็นระเบียบเรียบร้อย
2)เงินถวายของท่านอย่าให้เป็นเงินขโมย
เราต้องคิดเสมอว่า เราให้คืนพระเจ้า ทุกบาททุกสตางค์ไม่ได้เข้ากระเป๋าคุณสุวงษ์ วันนี้ถ้าเงินถวายน้อย เราไม่ทานข้าว ไม่กินน้ำ ไม่มีรถไปส่ง ไม่ประกาศ ไม่มีคริสตจักร ดีไหม?
พระเยซูกล่าวสอนเรื่องการถวายเงิน มัดธาย 17:24- 27 เรืองเงินบำรูงโบสถ์
ถ้าเราถวายน้อย เหมือนเราขโมยเงินพระเจ้าไปใช้ เงินของพระเจ้าไปไหน 10 ลดหนึ่งเราหายไปไหน ฝึกลูกของท่านถวาย 1- 2 บาทไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าท่านไม่ฝึก อนาคตลูกจะไม่ถวายเพราะคิดว่า พ่อกับแม่ถวายแล้ว ถ้าผมถวายคนเดียว คนที่เป็นแขกจะคิดว่าอย่างไร ทำไมภรรยา
และลูกไม่ถวาย แบ่งตามที่เขาได้รายวันแล้วให้เขาเก็บเงินถวาย อย่าอึดอัดที่ผมเตือน เพราะถ้าเราเต็มใจ เราจะไม่รู้สึกอึดอัด เราจะคิดว่า ใครนะไม่ถวายให้คุณสุวงษ์ สอนเรื่องนี้อยู่ได้ น่าจะโตเสียที ถวายมากได้มาก พระเจ้าจะเทพร จะไม่หักคืน ท่านเคยสังเกตใหมว่าทำไมท่านไม่รวยเสียที
3)คนไม่อยากให้แม้แต่พระเจ้า มักจะเป็นคนที่คิดถึงแต่ตัวเราเอง ดู ลูกา 12:16-21
3.ถวายหมดตัวไม่ยักเก็บ
1)บทเรียนที่ดีจาก ผัวเมีย กิจการ 5 :1 เป็นต้นไป เขาบอกเปโตรว่าถวายหมด แต่ยักเก็บไว้ด้วยกัน ชีวิตเราสั้น เก็บเงินไว้ สองคนตายไม่ได้ใช้เลยตายเสียก่อน
2)หญิงหม้ายถวาย 2 สตางค์แดง ดูน้อยกว่าพวกคนรวย แต่มากที่สุดในสายตาของพระเยซู อยู่ที่ท่าทีและใจของหญิงหม้ายนั้น ลูกา 21:1-
3)อย่ากลัวว่าให้หมดแล้วจะไม่มีกิน ดูหญิงชาวซูเนม เอาแป้งที่เหลือติดถังข้าวมาทำอาหารให้เอลียากิน และเขาก็ไม่ขาดจากอาหารอีกเลยเพราะมีแป้งอยู่ในถังของเธอทุกวัน เธอไม่ได้หวงเอลียา แม้ว่าใจเธอจะสงสัยในตอนแรก อย่ากังวลหรือสงสัย ลูกา 12:29
ถวายให้พระเจ้าจนไหม ผมยังไม่เห็นว่าผมแย่ลงเมื่อถวายพระเจ้า มีวันต้องเสียเงินเพราะเรื่องนั้นเรื่องนี้มากกว่าถวายให้พระเจ้าเสียอีก เรายอมเสียได้ เรายอมจ่ายค่าหมูกระทะ อิ่มละ 69 บาทได้ แต่ถวายให้พระเจ้าแค่ 20 บาทเราไม่อยากถวาย เพราะเราเสียดาย
อย่าเสียดายเพราะการถวาย เพราะงานของพระเจ้ารอเราอยู่ บางคนก็ว่า แต่ก่อนมาเชื่อพระเจ้า ไม่เห็นต้องถวายเลย แล้วเรารวยไหม พอเราเชื่อพระเจ้า เราให้พระเจ้า เราจนไหม
เราถวายแค่นี้ไม่ถึงกับจนหรอกครับ
สรุป 1)อย่าว่าแต่ท่านเบื่อในเรื่องถวายเลย ผมก็เบื่อที่เราไม่โตเสียที เงินถวายยังไม่ถึง 900 บาท ต่ออาทิตย์ โดยเฉลี่ยแล้ว อย่างอาทิตย์ที่แล้ว มีแขกแต่ไม่เงินไม่ถึง 800 บ.
2)อย่าให้เราถอยหลัง เพราะทุกอย่างมันเปลี่ยน ของขึ้นราคา แต่เราไม่ขึ้นให้พระเจ้า แล้วพระเจ้าจะขึ้นให้ปีหน้าหรือเปล่า
3)ลองเปลี่ยนมาให้พระเจ้ามากกกว่าเดิม จะจนลงเพราะถวายก็ให้มันรู้ไป อย่าเก็บเงินถวายไว้เพื่อจะจัดงานปีใหม่ เพราะงานปีใหม่ไม่เกี่ยวกับเงินถวาย เราเลี้ยงมากก็เป็นพรของเรา ไม่ใช่หักเงินพระเจ้ามาจัดงานอย่างอื่น หรือหักเป็นเงินค่าดอกไม้ หรือเลี้ยงพี่น้อง เพราะท่านจะเป็นขโมยไม่รู้ตัว เก็บไว้ให้พระเจ้า 10 ลด
4)ให้หมดตัว ทั้งตัวเต็มใจถวาย อย่าลากขามาโบสถ์อย่าพูดว่า มาได้ก็ดีนักหนาแล้ว อย่ายักเก็บทั้งตัวไว้เพราะเราจะไม่โต