จงเรียนรู้จักการใช้ชีวิตแบบยิพธา
ผู้วินิจฉัย 10:6 -12:7
คำนำ ก.จากหัวข้อ หนังสือผู้นิจฉัยกล่าวถึงชีวิตของนักสู้อย่างยิพธา ผู้ไม่กลัวใคร
-ในบทเรียนวันนี้เราจะได้เข้าใจสภาพของอิสราเอลสมัยผู้วินิจฉัย
-ชีวิตการเป็นอยู่ของคนสมัยนั้นต้องการผู้นำที่เข้มแข็ง ปกป้องและคุ้มครองเขาได้
-ยิพธาก็เป็นคนหนึ่งที่พระเจ้าต้องการคนที่เป็นผู้นำอย่างเขา
ข.อิสราเอลร้องขอต่อพระเจ้า
-พระเจ้าทรงปฏิเสธการช่วยเหลือครั้งแรก ด้วยพวกยิสราเอลไปนับถือพระบะอาลีม พระอัศธาโรธและพระของซุเรีย พระซีโดน พระอัมโมน พระฟะลิศติม จากบทที่ 10:6
-แต่ทำไมพระเจ้าทรงเปลี่ยนพระทัย บางทีเราไม่ค่อยอยากศึกษาเรื่องราวบรรพบุรุษสัก
เท่าไร แต่ก็จำเป็นอยู่ดีที่เราต้องทำความเข้าใจและนำมาดัดแปลงแก้ไขกับอดีตกาล
ดู ยิระมายา 18;5-11 พระเจ้ากล่าวถึงการทำลายจะให้เหมือนกับดินเหนียวที่ช่างปั้นดิน
ถ้าทำแล้วเสียไปก็ทุบและทำลาย แล้วเอามาทำใหม่ ดังนั้นในข้อ 11 กล่าวเน้นว่าให้กลับใจหันจากความชั่วของตัวทุกคน แลจงทำให้ทางทั้งหลายของเจ้าให้ดีเถิด
ค.เราจะได้รับความรู้ชีวิตของคน คนหนึ่งที่อธิษฐานก่อนการไปออกรบ
-เขาตั้งใจดี
-สิ่งที่เกิดขึ้นข้างหน้า ทุกอย่างเขาไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไร
เราไม่ค่อยได้เตรียม ปากบางทีก็พูดโพล่งๆ
ต่อไปนี้เราควรเรียนรู้จักเขาให้มาก เพื่อจะได้เอามาเป็นแบบในการดำรงชีวิต
1.ดูต้นตอชีวิตของยิพธา ผู้วินิจฉัย 11:1-3
1)เขาอยู่ในตระกูลฆีละอาด
2)เป็นคนมีฝีมือ
3)มารดาท่านเป็นทาสี เป็นบุตรเมียน้อย
4)พ่อเขามีฐานะ สังเกตได้ว่า บุตรเมียหลวงกลัวได้สมบัติจึงไล่ท่านออกจากวงตระกูล
5)เขาย้ายไปอยู่เมืองโคบ มีนักเลงมารวมตัวอยู่กับท่าน
6)มีความสามารถและมีฝีมือ จากข้อ 4-11
7)เขามีความร้อรรนและมีความเชื่อดีในพระเจ้า สังเกตจากข้อ 4-11
2.คำร่ำร้องขอให้พระเจ้าช่วยของบรรดายิศราเอล ในข้อ 12-28
1)ยิพธาใช้ทูตไปทูลแก่กษัตริย์อัมโมน
2)เล่าเรื่องสมัยโมเซเดินผ่านแดนเมืองต่างๆ
3)ขอผ่านเมืองต่างๆ ก็ไม่มีเมืองใดให้ผ่าน ดังนั้นพระเจ้าจึงมอบในมือพวกยิศราเอลตอนนั้น
4)เมืองต่างๆ เช่น อะโดม โมอาบ เคเดศ อาระโนน อะโมรี ซีโฮน กรุงเฮ็ศโบน อะโรเออร์
ในข้อท้าย 26 กล่าวว่า “เหตุไรไม่เรียกคืนไประหว่างเวลานั้น ต่างก็ทำผิดต่อกัน
5)เกิดการไม่พอใจกันขึ้น ระหว่างกษัตริย์อัมโมนและยิพธา
3.คำบนบานของยิพธาต่อพระเจ้า บทที่ 11:29-31
1)ข้อ 30 “ยะธาปฏิญาณไว้ต่อพระยะโฮวาว่า ถ้าพระองค์จะทรงมอบชาวเมืองอัมโมนไว้ในมือข้าพเจ้าจริง”
ให้เราสังเกตว่า ทุกครั้งที่เราบนบาน เราจะพูดว่า “ถ้า” เป็นจริง
ยิพธากล่าวต่อว่า “เมื่อข้าพเจ้ามีชัยชนะ ชาวเมืองอัมโมนมาแล้ว สิ่งใดๆออกมาต้อนรับข้าพเจ้าจากประตูบ้าน สิ่งนั้นข้าพเจ้าจะเผาเป็นเครื่อบูชาถวายพระยะโฮวา”
2)เราควรบนบานต่อพระเจ้าด้วยหรือ
-เรียกว่าต่อรองกับพระเจ้าก็ได้
-บางทีเราก็ไม่ไว้ใจพระเจ้า เอาของมาต่อรอง ถ้าพระเจ้าให้ได้รถ หรือถ้าได้รถยนต์จะเอารถมารับใช้พระเจ้า ช่วยงานพระเจ้า ช่วยรับส่งพี่น้อง ช่วยงานพระเจ้า พอได้แล้ว
ก็ลืมคำ ผิดคำพูด หายไปพร้อมกับรถ เมื่อเจอหน้าก็บอกว่า ต้องผ่อนรถ ยังเป็นหนี้อยู่
เดี๋ยวผ่อนหมดแล้วจะไปได้ทุกอาทิตย์ จริงหรือ?
หรือถ้าได้บ้าน จะใช้บ้านให้เป็นประโยชน์ต่อคริสตจักร จะเปิดบ้านต้อนรับพี่น้อง นมัสการการพระเจ้า แต่ความตั้งใจกลับเป็นหมันไป เพราะทำไม่สำเร็จ
3)ข้อสังเกตในการบนบาน มัดธาย 5:33-37 พระคัมภีร์กล่าวว่า อย่าทวนสบถ อย่าสาบาน “อีกประการหนึ่ง ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้แก่คนในครั้งโบราณว่า อย่าทวนสบถ แต่จงประพฤติตามที่ท่านสาบานไว้ต่อพระเจ้า ฝ่ายเราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่าสาบานเลยจะอ้างถึงสวรรค์ก็ดี เพราะสวรรค์เป็นพระที่นั่งของพระเจ้า จะอ้างถึงแผ่นดินก็ดี เพราะแผ่นดินเป็นที่รองพระบาทของพระเจ้า จะอ้างถึงกรงยะรูซาเลมก็ดี เพราะกรุงยะรูซาเลมเป็นราชธานีของพระมหากษัตริย์ อย่าสาบานอ้างถึงศีรษะของตน เพราะท่านจะกระทำให้ผมขาวไปหรือดำ ไปสัก
เส้นหนึ่งก็ไม่ได้ แต่ให้ถ้อยคำของท่านเป็นคำตรงเถิด จริงก็ว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่ ซึ่งพูดเกินนี้ไปก็มาจากความชั่ว”
ความหมายของข้อที่ว่า อย่าอ้างถึงเมือง ถึงศีรษะ เช่น สาธุถ้าลูกไม่ทำตาม ที่สาบาน ขอให้ตาย ขอให้หลวงพ่อหักคอ สิ่งที่เราอ้างถึง มันไม่เกี่ยว เกี่ยวที่ เราทำตามที่สาบานหรือไม่ เพราะผู้รับรู้ในคำสาบานคือพระเจ้า
หรือบางคนบอกว่า ถ้าไม่ทำขอให้ตายภายใน 7 วัน คำอ้างไม่ได้สำคัญ สำคัญที่ว่า เราทำตามคำสาบานหรือไม่ ต่อให้สาบานให้ตาย แล้วเราไม่ทำ ก็ไม่เกิดผลดีแน่นอน
ดุ พระบัญญัติ 23:21-23 “ครั้นเจ้ากล่าวคำปฏิญาณแก่พระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า ก็อย่าละเลยไม่ทำตามคำนั้นด้วยพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าจะทรงพิพากษาและจะเป็นการบาปแก่เจ้าทั้งหลาย แต่ถ้าเจ้าทั้งหบายไม่กล่าวคำปฏิญาณแล้วก็จะหามีความผิดกับเจ้าไม่ วาจาที่ออกจากปากของเจ้าแล้วก็จงทำตามคำนั้น คือของบูชาซึ่งเจ้าได้ปฏิญาณว่าจะถวายแก่พระยะโฉวาพระเจ้าของเจ้าซึ่งเจ้าได้ออกวาจาสัญญาไว้นั้น”
บางคนชอบพูดเล่นว่า ถ้าถูกหวย จะให้พระเจ้าสักครึ่งหนึ่งที่ได้ อย่าเลยเพราะไม่เป็น
ที่พอพระทัยพระเจ้าแน่นอน
4.ปัจจุบันเราชอบสาบานกับใครหรือไม่?
-สมัยก่อนท่านเปาโลก็เคยสาบานตัว ตอนนั้นท่านอาจจะยังไม่แข็งแรงในพระเจ้าก็ได้ถึงได้สาบานตัว แต่เปาโลก็แก้บน ท่านได้โกนหัวแก้บน มีนักเทศน์อยู่คนหนึ่งก็บนตัว ด้วยการโกนหัวแก้บน คุณแสวง
-เราจะสังเกตได้ว่าชนชาตยิศราเอลถูกข่มเหงนานอีก 18 ปี เหตุว่าเขาทำตัวเขาเองที่ บูชาพระอื่น วินิจฉัย 8; 6-8
คนชอบสาบาน แต่ไม่ชอบที่จะทำให้ถูกต้องให้คนไว้วางใจก่อน เขาก็เชื่อเราถ้าเราทำตามคำพูด
คนรักษาคำพูด มีเครดิฐมากกว่าใบสัญญาเสียอีก
-การบนบานของยิพธา เป็นอันตรายต่อคนอื่น ดู บทที่ 11: 34 เป็นต้นไป ลูกสาวของยิพธา และเป็นบุตรคนเดียวของท่านได้ออกมาต้อนรับเป็นสิ่งแรกที่ออกมาหน้าบ้าน
เราเองอาจจะเป็นลมล้มพับก็ได้ เพราะยิพธาก็เป็นเช่นนั้น คือฉีกเสื้อผ้าด้วยความเป็นทุกข์ ไม่ได้เป็นความผิดของบุตรสาว เป็นความผิดของยิพธาที่เอ่ยปากโดยไม่คิด
-คุณเคยสังเกตไหมว่า เวลาที่คุณไปจากบ้านจะกี่วัน หรือกี่ชั่วโมง คนที่ดีใจในการกลับมาของคุณ จะเป็นลูกๆ วิ่งออกมาแล้วว่า พ่อมาแล้ว แม่มาแล้ว
ลูกสาวยิพธาก็คงเป็นเช่นนั้น แต่เป็นที่น่าชื่นชมอีกอย่างคือ บุตรสาวของยิพธา แม้จะเสียใจในคำพูดของบิดา แต่เธอก็ยินดีที่จะทำตามคำสาบานของพ่อ แม้จะขอเวลาทำใจ สัก 2 เดือน
มีชัยชนะแท้ๆ กลับเป็นทุกข์ เพราะคำพูดที่ไม่ระวัง
พระเจ้าไม่ได้ต้องการเครื่องบูชาที่เป็นมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างเลย แต่เราต่างหากที่ยัดเยียดของบนบานให้พระเจ้า บางคนบนบานว่าจะให้หัวหมู 10 หัว บางคนจะให้ไข่ต้ม 100 ฟองถ้า สอบได้ คนเรียนเก่งสอบอะไรก็ได้ คนหัวไม่ดีขยันให้มากกว่าเดิมสักหน่อย ก็สอบได้
เราจำได้ไหมว่า อับราฮามถวายยิศฮาค พระเจ้ารับความสัตย์ซื่อของอับราฮาม ไม่ได้รับชีวิตของ
ยิศฮาคเลย
สรุป
1.ชีวิตของยิพธาเป็นตัวอย่างเรื่องคำสาบาน คำปฏิญาณ เราอย่ากล่าวอะไรพร่อยๆ เคยไหมที่ท่านกล่าวว่า เดี๋ยวจะถวายพระเจ้า แล้วไม่ทำ น่ากลัวนะระวังให้ดี คนกลับคำ แต่พระเจ้าไม่เคยกลับคำ บทเพลงสรรเสริญ 132: 11 พระเจ้ารักษาคำสัญญากับดาวิดเรื่องพงศ์พันธุ์ของท่าน และก็เป็นจริงเมื่อพงศ์พันธุ์ของท่านก็คือพระเยซูคริสต์
2.บุตรสาวยิพธา เป็นตัวละครที่น่าสงสาร อย่าให้เรายกแพะมาเป็นตัวรับบาป พระเยซูไถ่บาปของเราแล้ว เราไม่ต้องมาถวายแกะ หรือแพะอีกแล้ว ถ้าพระองค์อยากได้ อยากกินอะไรก็ไม่ต้องรอของแก้บนหรอก
3.ชีวิตของเราเป็นเหมือนยิพธาหรือไม่ ที่ชอบกล่าว่า ถ้าได้จะให้พระเจ้า ถ้ามีเงินจะให้พระเจ้า ความจริงเป็นของพระเจ้าทั้งนั้น เราจะถวายหรือไม่ก็เป็นเรื่องของเรา อย่าเอ่ยอะไรที่
เราทำไม่ได้ เพราะจะทำให้เป็นคนไม่น่านับถือ
การทำสัญญาเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเราทำโดยไม่มีการสัญญาก่อนล่วงหน้าก็ดีกว่า เพราะถ้าทำตามสัญญาไม่ได้ เราก็หมดความหมายต่อพระเจ้าแล้ว
เราต้องเรียนรู้จากชีวิตจริงของยิพธาให้มากขึ้น สัญญาแล้วก็ต้องทำ ที่สำคัญ เป็นคนสัตย์ซื่อเหมือนลูกสาวของยิพธา แม้จะเป็นความผิดของพ่อก็ตาม