อนุชนกับความสัตย์ซื่อในการเป็นคริสเตียน
คำนำ มี 2 ประเด็นที่น่าสนใจ
1)อนุชน คือคนหนุ่มสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน
2)ความสัตย์ซื่อแบบคริสเตียน
ถ้าจะเราคิดถีงอนุชนในสมัยคริสเตียนคือสมัยพระเยซูคริสต์ เราจะคิดถีงอนุชนคนไหน
-ติโมเธียวพระคัมภีร์เน้นว่าเขาเป็นคนหนุ่ม แล้วคนหนุ่มคนอื่นมีอีกไหม แล้วอัครสาวกคนอื่นแต่งงานแล้วหรือ? เราไม่รู้ บางคนยังไม่แต่งงาน อย่างเปาโลก็ไม่ได้แต่งาน แต่ท่านอุทิศตัวไม่แต่งงานรับใช้พระเจ้า
-ในสมัยพระคัมภีร์เดิมคนหนุ่มมีหลายคนชีวิตของเขาน่าคิด อย่างเช่น เราลองมาพิจารนาคนหนุ่มเป็นรายๆไป
1)คนหนุ่มเลือดร้อนอย่างคายิน คิดจะฆ่าน้อง ก็ฆ่าได้สำเร็จ
2)คนหนุ่มอย่างยาโคบ ฉลาดแต่ออกโกงนิดหน่อย
3)คนสาว หน้าตาสวยอย่าง ราเฮล มีนิสัยขี้อิจฉาพี่สาวขโมยของพ่อมาอีก
4)คนหน้าตาขี้ริ้วขี้เหล่ อย่างเลอา แต่นิสัยก็ยังเป็นที่พระเจ้าเมตตา
5)คนดีสัตย์ซื่ออย่างโยเซฟ
6)คนหนุ่มบึกบึนในสนามรบอย่างยะโฮซูอะ
7)คนหนุ่มใจกล้าอย่างฆิดโอน
8)แซมซั่นผู้น่าสงสาร มีพลังแต่แพ้ผู้หญิง
9)หญิงสาวผู้ทรยศอย่างดะลีลา
10)คนหนุ่มที่พระเจ้าเลือกใช้อย่างซามูเอล
11.คนหนุ่มตัวเล็กแต่ใจใหญ่อย่างดาวิด
12.ชายหนุ่มผู้มีสติปัญญาอย่างซะโลโม แต่เสียเพราะผู้หญิง
13)ผู้หญิงที่แย่อย่างนางอิซาเบล
14)คนหนุ่ม 4 คนที่ไม่ปฏิเสธพระเจ้าอย่าง ดานิเอลกับเพื่อนๆ
มีคนหนุ่มคนสาวในพระคัมภีร์ ที่เป็นตัวอย่างทั้งดีและไม่ดีให้เราได้คิด และเอามาเป็นแบบในการตัดสินใจเพื่อเลือกคู่ชีวิต
ที่สำคัญวันนี้เราจะเอาประเด็นที่ว่า อนุชน คือลูกหลานทั้งหลายที่นั่งอยู่ในขณะนี้ เราคิดว่าในที่นี้มีใครบ้างที่ท่านเห็นว่าเขาไม่สัตย์ซื่อ ไม่เป็นแบบที่ดีให้กับเรา ไม่ต้องชี้ตัว แต่ให้เราเอามาคิดดูว่าเขาไม่มีความสัตย์ด้วยเรื่องอะไร ทำไมเราจึงมองว่าเขาไม่สัตย์ซื่อ
ลองมาพิจารณาดูความสัตย์ซื่อต่อไปนี้
1.สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า
1)เป็นคริสเตียนหากไม่สัตย์ซื่อ ความตายก็รออยู่ข้างหน้า วันแรกที่เราเป็นคริสเตียน เราต้องเป็นคริสเตียนจนวันตาย วิวรณ์ 2:10
คนสัตย์ซื่อหายาก สุภาษิต 20:6 “คนโดยมากมักจะประกาศคุณความดีของตนเอง แต่คนสัตย์ซื่อแท้ๆใครเล่าจะหาพบ”
2)รักษาความเชื่อ
-คนไม่ค่อยทนต่อความสัตย์ซื่อ ไม่รักษาความเชื่อมั่นคง โดนพ่อแม่ว่านิดหน่อยก็ทิ้ง
พระเจ้า ผมอยากได้เป็นครอบครัวมากกว่า เพราะจะรักษาความเชื่อได้นาน อนุชนกับเด็กๆที่มารับบัพติศมา พอย้ายโรงเรียน ย้ายที่ทำงานก็ย้ายพระเจ้าไปด้วยไม่เห็นไปโบสถ์อื่น บอกนมัสการพระเจ้าที่บ้าน นานๆเข้าก็ไม่รู้จักพระเจ้าคือใคร
3)ไม่ทิ้งพระเจ้า ไปมีพระอื่น คนหนุ่มคนสาว มักจะทิ้งพระเจ้าก็เพราะเรื่องคู่ครอง คู่ชีวิต คนข้างในก็หายาก ดูแล้วหาคนหล่อยาก สมัยผมเป็นอนุชน อนุชนเยอะมาก มีให้เลือกจนไม่มีใครแต่งงานซะที ลุงบินบอกว่า เมื่อไหร่ลุงจะได้ทำพิธีแต่งงานเสียที
ที่คริสตจักรนครสวรรค์ก็มีอนุชนหลายรุ่น ก็ไม่เคยได้จัดพิธีแต่งงานเสียที เพราะว่า อนุชนไปเลือกคู่ข้างนอก ทิ้งพระเจ้า ไม่เอาพระเจ้าเป็นที่หนึ่ง ความสัตย์ซื่อมันหายไปเมื่อความรักกับคนข้างนอกมันวิ่งมาเข้าตา เจอสาวข้างนอก หนุ่มข้างนอกสวยกว่า หล่อกว่า เจอคำหวานๆ ก็ทิ้งคุณ A ปิติพงษ์ไปหมด คำสัญญาที่ให้พระเจ้าก็เป็นหมันไป
2.ความสัตย์ต่อตัวเราเอง
1)เป็นคริสเตียนแบบสัตย์ซื่อในการนมัสการ
-อนุชนบางคนต้องไปเรียน,ไปทำต่างจังหวัด เราต้องมองดูแล้วว่าจังหวัดที่เราจะไปเรียนนั้นๆ มีคริสตจักรของพระคริสต์หรือไม่ เราควรจะไปเรียนหรือไปทำงานหรือไม่
-ในทุกเดือน เราไปประชุม ทุกอาทิตย์หรือไม่ เรามีส่วนในการถวาย เต็มร้อยหรือไม่ เรารู้ดีว่าควรถวายเท่าไร เงินของเรา เราถวายแบบไหน
-อนุชนชาย มีหน้าที่ในการช่วยให้การนมัสการเป็นไปด้วยความสัตย์ซื่อ มือของท่านต้องยกด้วยความบริสุทธ์ สะอาดสะอ้าน
2)สัตย์ซื่อในการประพฤติ
-ประพฤติอย่างไรไม่ให้มีใครติเตียนได้
-ติโมเธียวเป็นคนดี เป็นคนหนุ่มที่ใช้การได้
-เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า เขาจะประพฤติดีกับลูกค้าหรือเปล่า ต่อหน้าลูกน้องก็ดี
พอลับหลังเอากำปั้นให้เรา
3)สัตย์ซื่อในทางวาจา พูดแล้วต้องทำตามที่พูด
-พูดแล้วไม่รักษาสัญญา วันหน้าก็ไม่มีใครเชื่อถือ หมดกันความเป็นมิตรกับคนอื่น
เราจะสัญญากับใครเราต้องทำให้ได้
สุภาษิต 11:13 “คนที่เที่ยวพูดปากบอนย่อมเผยความลับให้แพร่งพรายไป แต่คนใดที่มีใจสัตย์ซื่อย่อมปกปิดความนั้นเสีย”
4)สัตย์ซื่ออะไรบ้าง
-สัตย์ซื่อในของเล็กที่สุด จะสัตย์ซื่อในของมากที่สุด คนอสัตย์ในของเล็กที่สุดจะอสัตย์ในของมากด้วย ลูกา 16:10-13
3)สัตย์ซื่อต่อผู้อื่น
การสัตย์ซื่อต่อผู้อื่น เป็นสิ่งที่คริสเตียนควรทำ เราต้องสัตย์ซื่อต่อใครบ้าง
1)สัตย์ซื่อต่อครอบครัว
-พ่อ,แม่ บางคนหลอกเอาเงินพ่อแม่ไปใช้ พ่อแม่หาเงินด้วยความลำบาก แต่เราใช้เงินอย่างสบาย ต้องตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน ครอบครัวเดียวกันต้องสัตย์ ภรรยาต้องสัตย์ซื่อต่อสามี 1 ติโมเธียว 3: 11 “ฝ่ายผู้หญิง เป็นคนสัตย์ซื่อในสิ่งทั้งปวง”
-สัตย์ซื่อต่อพี่น้องในครอบครัว ปู ย่า ตา ยาย ทวด น้า อา พี่ น้อง เราต้องสัตย์ซื่อให้หมดไม่เห็นแก่หน้าว่ารักคนนั้นก็สัตย์ซื่อกับคนนั้น
-คริสเตียนเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน เราไม่รักกัน จะเป็นพี่น้องกันได้อย่างไร
2)สัตย์ซื่อต่อคนรัก คนหนุ่มคนสาว ต้องที่เป็นคนรักกัน ต้องสัตย์ซื่อ มีความบริสุทธิ์ใจ รักษาเนื้อรักษาตัวไว้ให้คนรัก ไม่ปล่อยไปตามอารมณ์ ระมัดระวังการวางตัว
-ผู้ชายต้องให้เกียรติกับผู้หญิง ไม่ปากหวาน ไม่แตะเนื้อต้องตัวผู้หญิง
-ไม่มีกิ๊ก 2 คนหรือ 3 คน ไว้
-ไม่มี 2 ใจ ทั้งหนุ่มและสาว ต้องคบคนเดียว สัตย์ซื่อกับคนเดียว เขาเรียกว่า จับปลา 2 มือ
-มีอะไรก็คุยกัน ก่อนที่จะแต่งงาน ไม่ปิดบัง
3)สัตย์ซื่อต่อเจ้านาย
-โยเซฟมีเจ้านาย เขาสัตย์ต่อนายและพระเจ้าไม่คิดลบหลู่กินบนเรือนถ่ายบนหลังคา
-พระเจ้าเป็นเหมือนเจ้านายของเรา เรามีนายเพียงองค์เดียว
-ถ้าผมมีลูกน้อง ระหว่างคนฉลาดแกมโกงกะล่อนปลิ้นปล้อน กับคนเอ๋อๆ แต่จริงใจทำสุดกำลัง สัตย์ซื่อดี ผมก็เลือกคนหลังนี้เพราะคนเรามันสอนกันได้ แต่คนกะล่อน คนมันเคย ยังไงก็ไว้ใจไม่ได้ บทเพลงสรรเสริญ 5: 9 “เพราะไม่มีความสัตย์ซื่อในปากของคนชั่ว ภายในใจของเขามีแต่ความชั่วร้ายนัก ลำคอของเขามีแต่ความชั่วร้ายนัก ลำคอของเขาเป็นหลุมฝังศพที่เปิดอยู่ ลิ้นของเขาพูดสอพลอ”
4)สัตย์ซื่อต่อเพื่อนร่วมงาน
-ทำงานด้วยกัน เอาเขามานินทาลับหลัง เป็นการไม่ควร เราต้องสัตย์ซื่อในการทำงาน
ทำงานด้วยกันไม่สัตย์ซื่อต่อกัน เราจะทำงานด้วยกันยาก
-เปาโลกล่าวถึงเพื่อนร่วมงานอย่าง เอปาฟรัศ ในโกโลซาย 1:7 “เช่นท่านได้เรียนแต่เอปาฟรัศผู้เป็นเพื่อนร่วมการที่รักของเรา ผู้เอาใจใส่ปรนนิบัตต่อพระคริสต์เพื่อนท่านทั้งหลายจริงๆ”
สรุป ความสัตย์ซื่อ ส่วนใหญ่เรามักจะมีตอนเป็นคริสตเตียน พอเลิกเป็นคริสเตียนเราก็เลิกสัตย์ซื่อ
คำถามต่อไปนี้อยากให้ทุกคนตอบ
1)เมื่อเราสัตย์ซื่อ เราได้อะไรเป็นการตอบแทน เท่าที่เคยพบมาในการเป็นคริสเตียน
ถาม แล้ว ตอบ
2)ความสัตย์ซื่อ สามประการที่เรียนมา มีอะไรบ้าง?
ถามก่อน
1)สัตย์ซื่อ ต่อพระเจ้า เอาพระเจ้าเป็นที่ 1 2)สัตย์ซื่อต่อตัวเอง
3)สัตย์ซื่อต่อคนอื่น
3) สุดท้าย การเป็นคริสเตียนของเรา ใครบ้างที่เราคิดว่าเขาสัตย์ซื่อต่อเราที่สุด
เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อน แฟน เพื่อนร่วมงาน เจ้านาย
-พ่อแม่ บางคนยังไม่สัตย์ซื่อต่อกัน
-พี่บางคนไม่รักน้อง ไม่มีความสัตย์ซื่อ
-น้องบางคนยังไม่สัตย์ซื่อต่อเราเลย
-เพื่อนบางคนทรยศ แย่งแฟนเราก็มี
-แฟนเราเอาใจออกห่างก็มี
เจ้านายโกงลูกน้องก็มี
แต่พระเจ้าและพระเยซูคริสต์ ทรงสัตย์ซื่อต่อเราที่สุด ดังนั้นเราควรสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าให้มากที่สุดจนวันตาย