ความคิดในทางบวก
ในมาระโก5:28-29 กล่าวถึงผู้หญิงคนนี้ว่าเธอต้องทนทุกข์ลำบากมาช้านานเพราะได้หาหมอหลายคนมารักษาและได้เสียทรัพย์สินจนหมดสิ้น โรคนั้นมิได้บรรเทาแต่ยิ่งกำเริบ เธอคนนี้พระคัมภีร์ได้กล่าวว่าเป็นคนเดียวกันที่มีความคิดในใจโดยความเชื่อ เธอก็หายสมใจ พระองค์ทรงรู้สึกได้ว่าเธอมีความเชื่อ และเธอก็หาย
จากบทเรียนในเดือนที่แล้วหัวข้อแค่คิดก็ผิดจริงหรือ ในแง่ที่ว่าคนเราบางทีแค่คิดยังไม่ทำคิดทางบาปหรือเรียกว่าทางลบก็เป็นการบาปได้ บางทีความคิดของคนเราอาจเป็นอันตรายได้เสมอเมื่ออีกฝ่ายไม่เห็นด้วยจะเป็นการขัดแย้งทุกครั้งไป
คราวที่แล้วกล่าวถึงครอบครัว วันนี้มีเรื่องอยากจะเล่าให้ฟังเช่นกัน มีครอบครัวหนึ่งที่ผมรู้จัก เป็นเพื่อนบ้านไม่ไกลกันมากนัก ฝ่ายสามีรู้จักมักคุ้นและชอบมาคุยกับผมด้วยเสมอตอนเย็นๆ เขาเล่าว่า “ภรรยาผมก็ไปโบสถ์เหมือนกัน แต่เขาไปอีกโบสถ์หนึ่ง ภรรยาชอบไปทุกครั้งที่มีการประชุมนอกสถานที่ นอกอำเภอ นอกจังหวัดไปบ่อยมากๆ เรียกว่าไปทุกกิจกรรม ที่สำคัญเขามีการถวาย เธอจะถวายมาก ถวายจนเงินเดือนเธอไม่มีเหลือ ผมละกลุ้มใจมาก โบสถ์อาจารย์มีอย่างนี้ไหม” เขาพูดในเชิงตำหนิ มีความคิดว่าภรรยาเขาเปลี่ยนไปตั้งแต่เข้าโบสถ์ ผมเองก็ไม่แน่ใจว่า ความหมายของสามีนั้นต้องการอะไรต้องการให้คุณภรรยาออกจากการประชุมหรืออะไร เพราะความคิดของเขาก็ออกมาต่อไปว่า “ผมคิดว่าภรรยาไปโบสถ์ก็ดีนะ เขาสอนดี ผมก็ไม่ได้คัดค้านหรือห้ามปรามเพราะว่าศาสนาไหนๆก็สอนดีทั้งนั้น ไม่มีศาสนาใดในโลกสอนให้คนทำผิดนะ” ตอนนี้ภรรยาเขาก็ยังไปโบสถ์อยู่ คนส่วนใหญ่มีความคิดว่า ศาสนาเป็นเรื่องประจำใจที่คนต้องมีที่พึ่ง แต่ถ้าจะให้พึ่งจนไม่ทำงาน ขาดการทำงานบ่อยมาก การงานก็ไม่ราบรื่น นี่เป็นข้อติติงของเพื่อนบ้าน
ในท้ายเรื่องราวของหญิงคนนั้นใน มาระโก5:34 “พระองค์จึงตรัสแก่หญิงนั้นว่า ลูกเอ๋ยความเชื่อของเจ้าได้ทำให้ตัวรอดจงไปเป็นสุขและหายโรคเถิด” ความเชื่อของเธอเป็นความคิดในแง่บวกที่ว่า เธอมั่นใจและเชื่อมั่นว่าจะเป็นไปได้แน่ๆ
คนมักมองเรื่องที่ยังไม่เกิดเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก คิดแล้วคิดอีกว่าจะมั่นใจได้ไหม ให้เราคิดในทางที่บวกทุกเรื่องที่จะทำ เพราะนั่นหมายถึงความเชื่อมั่นในด้านความคิดว่าเป็นไปได้เสมอ ถ้าเรามีพระองค์ทรงเป็นแกนนำทุกอย่างจะกลายเป็นเรื่องบวกๆ สะดวกทุกเรื่อง เพราะความคิดของท่านพระเจ้าทรงทราบก่อนแล้วก่อนที่จะลงมือทำ อย่ามัวแต่คิดให้เสียเวลา ทุกอย่างเป็นไปได้แต่อย่าคิดทางลบ