ครอบครัวที่พระเจ้าพึงประสงค์
คำนำ ก.การเป็นครอบครัวที่พระเจ้าพึงประสงค์นั้น ครอบครัวของบุคคลนั้นๆ จะต้องทำงานหนัก เพื่อสร้างครอบครัวของตนให้เป็นแบบ
ครอบครัวคริสเตียน หมายความว่าอย่างไร ถ้าจะพูดให้เข้าใจเสียใหม่ ก็คือ ครอบครัวคริสเตียนหรือครอบครัวซึ่งพระเยซูคริสเจ้าเป็นผู้ควบคุม โดยมีพระองค์เป็นประมุขอยู่ในครอบครัวนั้นๆ
ข.น้ำพระทัยของพระเยซูคริสต์เจ้าสำแดงไว้ในพระคริสธรรมคัมภีร์ คือถ้าจะพูดให้ตรงก็คือ ครอบครัวคริสเตียนเป็นครอบครัวซึ่งถูกควบคุมตามกฎเกณฑ์ของพระคัมภีร์
ค.ครอบครัวเป็นรูปแบบใดก็ตาม มีครอบครัวใหญ่ ครอบครัวเล็ก ก็ต้องมีพ่อ แม่ ลูก จึงจะเรียก
ว่าครอบครัว ถ้าสองคนแต่งงานกัน ปัญหามักจะไม่ค่อยมี แต่พอมีเจ้าตัวเล็ก อะไรๆที่ว่าดี
ก็เริ่มจะเปลี่ยน ปัญหาก็เริ่มมองเห็นได้ชัด พอมีลูก ปัญหาก็เป็นอีกแบบ พอมีหลาน ปัญหาก็เปลี่ยนไปอีกเรื่อยๆ
1.ตามหลักพระคัมภีร์ สามีเป็นศีรษะของครอบครัว
-ความหมายคือ บุรุษเป็นหัวหน้าครอบครัวในฐะนะที่เป็นหัวหน้าครอบครัวจะต้องตระเตรียมสิ่งของและปัจจัยวัตถุตามต้องการ สิ่งต่างๆมีไว้ให้ครอบครัว
-ผู้นำครอบครัวจะต้องเป็นผู้ที่ไม่ใช่เฉพาะแต่จัดการเรื่องเครื่องอุปโภคบริโภค รวมทั้งปัจจัย 4 มาให้ครอบครัว ปัจจัย 4 คือ เครื่องนุ่มห่ม ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย และอาหารการกิน ครบไม่ขาดตกบกพร่อง
-สิ่งทีเกินจากปัจจัยทั้ง 4 ต้องมีความเกื้อกูล และต้องเป็นผู้ที่ช่วยจรรโลงครอบครัว ให้บรรลุจุดหมายปลายทาง อฟซ 5.28 สามีนั้นจะต้องเป็นผู้ที่รักของภรรยาเป็นเนื้อหนังของตน
2.องค์พระผู้เป็นเจ้าได้กำหนดไว้ว่าผู้ที่เป็นภรรยาจะต้องทำหน้าที่ จัดบ้านเรือนของตนให้เรียบร้อย
-1 ตธ 5:14 เรื่องของผู้หญิงทีเป็นม่าย ให้เขาแต่งงานมีบุตรและดูแลปกครองบ้านเรือน แม่ม่ายบางคนเอาแต่เที่ยว
-เปาโลเองเขียนเหตุฉะนั้นข้าพเจ้าปรารถนาให้พวกแม่ม่ายสาวๆนั้นมีสามีเกิดบุตร และปกครองบ้านเรือนเพื่อมิให้ศัตรูมีช่องนินทาได้ ผู้ที่เป็นภรรยานั้นมีหน้าที่ในการบังเกิดบุตร
เอเฟโซ5:33 อัครสาวกเปาโลได้กล่าวว่า จงต่างคนต่างรักภรรยาของตนเหมือนรักตนเอง และภรรยานั้นก็จงยำเกรงสามีของตน
คำว่ายำเกรงในที่นี้หมายความว่า นับถือเคารพ ให้เกียรติ ยินดีจะสนองและปฏิบัติด้วยความยินดี
แต่ไม่ใช่ทำเพราะจำใจ สามีบางคนกดขี่ข่มเหงภรรยา ให้อยู่ใต้อำนาจสักวันภรรยาก็ทนไม่ได้สามีต้องเป็นคนให้เกียรติภรรยาเหมือนกัน ทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดคนเดียว
-ครอบครัวที่พระเจ้าประสงค์นั้นจะต้องเป็นครอบครัวที่พระเยซูได้ระบุไว้ ใน มัดธาย 12:25
ประชาชาติจึงขัดแย้งกันเองนั้นไม่สามารถจะยืนหยัดอยู่ได้ในทำนองเดียวกันครอบครัวที่พระเจ้าประสงค์ก็จะต้องเป็นครอบครัวซึ่งมีพ่อเป็นคริสเตียน มีพ่อ แม่ ลูกเป็นคริสเตียน จึงจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันสมบูรณ์
3.เครื่องหมายครอบครัวเป็นคริสเตียนก็คือ เมตตาปรานี
1ติโมเธียว 5:4 ถึงหน้าที่รับผิดชอบของบุตรไว้ดังนี้ จงให้บุตรหลานนั้นเรียนเพื่อให้รู้จักที่จะเมตตาคนในบ้านเรือนของตนก่อนและให้ตอบแทนคุณบิดามารดาเพราะว่าการที่ทำอย่างนี้เป็นที่ชอบพระพักตรพระเจ้าหมายความว่า บุคคลนั้นจะต้องมีความยำเกรงในตัวบิดา มารดาของตนก่อน
-การฝึกฝนเด็ก เป็นเรื่องสำคัญ อย่างที่เราได้เอาเด็กมาเรียน เป็นจุดประสงค์ของพระเยซูคริสต์ให้
คนที่มีความรู้ในพระคัมภีร์ได้สอนเด็ก เพราะพ่อแม่บางคนไม่ค่อยได้สอนพระคัมภีร์แก่ลูก ไม่เคยใช้หลักพระคัมภีร์สอนเด็ก เมื่อเขาได้มาเรียนรู้พระคัมภีร์เขาก็จะประพฤติดี
สิ่งที่พ่อแม่ควรใส่ในใจลูกคือความเมตตาปรานีเหมือนพระเจ้าทรงเมตตาเราสงสารเรา เรา
ต้องให้ลูกของเรามี สอนให้ลูกรู้จักให้ของคนอื่นไม่ใช่แบมือขอของคนอื่น การให้คือการคว่ำมือ การขอคือการแบมือ แตกต่างกันมาก
ลูกบางคนไม่ยำเกรงบิดามารดา เราต้องโทษตัวเราเองที่ไม่สอนให้เขารู้จักยำเกรง เกรงใจ
ผู้มีพระคุณ นับถือคนที่ให้คุณเรามา
4.ต้องมีคุณสมบัติของครอบครัวคริสเตียนคือ ต้องมีชีวิตบรุสุทธิ์
1 ตธ5:22 อัครสาวกเปาโลสอนว่า อย่าเข้าส่วนในความผิดของคนอื่นแลยจงรักษาตัวให้เป็นคนบริสุทธิ์ สิ่งนี้เป็นคุณสมบัติของบิดามารดาทั้งหลาย และอีกประการคือ ความรัก ครอบครัว คริสเตียนต้องมีความรัก
กษัตริย์ซะโลโมได้กล่าว ในสุภาษิต 15:17 “มีผักเป็นอาหาร ณ ที่ๆซึ่งแวดล้อมไปด้วยความรักยังดีกว่ามีวัวตอนทั้งตัวเป็นอาหารแต่แวดล้อมไปด้วยความ เกลียดชัง”
กษัตริย์ซะโลโมได้แจ้งให้เห็นถึงความรักซึ่งผูกมัดชีวิตทุกคนในครอบครัว สังเกตในครอบครัวบางครอบครัว ด่ากันหยาบคาย ทุบตี มีปัญหา จะให้ลูกมีความสุขได้อย่างไร บางครอบครัว พ่อกินเหล้าเมาทุบตีแม่ ตีลูก แถมบางครอบครัว กินทั้งพ่อและแม่ มิหนำซ้ำ ปู่และตาก็กิน กินมันทั้งบ้าน ลูกจะรอดหรือเปล่า เมากันทั้งบ้าน
ครอบครัวที่มีพระเจ้าต้องใช้ความรักนำและตามด้วยสติปัญญา ว่ากันด้วยเหตุและผลดังนั้นความจงรักภัคดีจะตามมาเอง
5.ในครอบครัวต้องได้รับพระโอวาทของพระเจ้าเสมอ
พระเจ้ามอบหน้าที่รับผิดชอบซึ่งได้สวมใส่ไว้ในดวงใจวิญญาณของเด้กทั้งหลายวันนี้ คือเด็กมีความรักในการที่มีความชื่นชมยินดีกับฝ่ายวิญญาณจิตและส่องสว่างเป็นนิจนิรันดร์
จากข้อความในพระบัญญัติ 6:6-7 “ถ้อยคำเหล่านี้ซึ่งเราสั่งไว้แก่เจ้าทั้งหลายในวันนี้ก็ให้ตั้งอยู่ในใจของเจ้าทั้งหลาย จงอุตส่าห์สอนบุตรทั้งหลายของเจ้าถ้อยคำเหล่านี้
พระบัญญัติ 4:3 และเจ้าจงระวังตัวและรักษาจิตใจของเจ้าให้ดี กลัวว่าเจ้าจะลืมสิ่งทั้งหลายที่ตาของเจ้าได้เห็นนั้น
สุภาษิต 6;22 “คำสั่งสอนนั้นจะนำเจ้าไปยามที่เจ้านอนลงคำสั่งสอนนั้นจะอยู่เฝ้ารักษาเจ้าไว้ และยามที่เจ้าตื่น ขึ้นคำสั่งสอนนั้นจะสนทนากับเจ้า”
สรุป ครอบครัวคริสเตียนที่พระเจ้าพึงประสงค์นั้นจะต้องเป็นครอบครัวซึ่งจุดประสงค์ที่ขยายอนาเขตแห่งอาณาจักรของพระเยซูคริสต์ในความสมบูรณ์ ในการรับพิมพ์จากพ่อแม่ ลูกก็ได้ดำเนินตาม เติบโตอย่างอบอุ่น
1)เป็นเชื่อ แผ่อิทธิพลคุณงามความดีของคริสเตียนแก่บรรดาเพื่อนบ้านไกลและใกล้เคียง
2)กระจายไปสู่สังคมประเทศชาติ ถ้าพื้นฐานของคริสเตียนดีมั่นคงอยู่ ประเทศชาติก็จะยั่งยืนตั้งมั่นคงได้
3)ถ้าประชาชาติไม่สามารถจะยั่งยืนได้โลกนี้จะยั่งยืนอยู่ได้อย่างไร
4)ผู้ที่เป็นสามีทั้งหลาย รวมทั้งผู้เป็นภรรยาทั้งบุตรทุกท่านจะต้องตระหนักอยู่เสมอว่าภาระหนักและหน้าที่ในการเสริมสร้างครอบครัวคริสเตียนที่มีความสุขนั้นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญครอบครัวคริสเตียนจะเกิด ความสุขได้ ต้องอยู่ที่คนในครอบครัวทุกคน
5)จะต้องทำหน้าที่รับผิดชอบของตนให้สำเร็จไม่ว่าจะมีหน้าที่เป็นสามีภรรยาหรือบุตรเป็นคุณพ่อ
คุณแม่ ก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องยอมรับว่า พระเจ้าเป็นที่หนึ่งในชีวิตของทุกคน ในครอบครัวถ้าเราสามารถปฏิบัติได้อย่างนี้เราก็สามารถสร้างครอบครัวเป็นรากฐานแห่งความมั่นคงของชาติ พระเจ้าประสงค์ที่จะสร้างความเป็นระเบียบภายในครอบครัว
พระองค์สร้างมนุษย์ตามแบบพระฉายของพระเจ้าและทรงอวยพรให้เข้าในครอบครัว สารพัตรทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างไว้
6.ครอบครัวคริสเตียนจะต้องประกอบด้วยสามีภรรยาเป็นคริสเตียนและลูกๆนับถือเคารพยำเกรงพระเจ้า เคารพนับถือบิดามารดา นับถือพระเจ้ายำเกรงพระองค์ดังนั้นความรักจึงเป็นพื้นฐานที่พ่อแม่ควรสอนลูกๆ และสอนเด็กๆด้วย